Go Back Go Back
Go Back Go Back
Go Back Go Back

ลดปัญหาแม่วัยใส ต้องให้เด็กใช้ถุงยางฯ

ลดปัญหาแม่วัยใส ต้องให้เด็กใช้ถุงยางฯ

News

ลดปัญหาแม่วัยใส ต้องให้เด็กใช้ถุงยางฯ

calendar_today 14 February 2016

เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมวงเสวนาประเด็นการหาข้อพิจารณาใหม่ๆ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนสู่ทางเลือกของประชาชนเพื่อสร้าง"รักปลอดภัย" ร่วมไขปัญหาแม่วัยใส ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในงานแถลงข่าวยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558-2562 "Public-Private Partnership เพื่อรักปลอดภัย" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNFPA Thailand) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ประธานเครือข่ายยุวทัศน์ กทม. เล่าถึงการทำกิจกรรมเพื่อเด็กและเยาวชนเพื่อแก้ไขปัญหาในวัยรุ่นว่า สิ่งที่ต้องเร่งทำโดยภาพรวมคือ "ผู้ใหญ่" ควรจะปรับมุมมองและเลิกตีกรอบให้เด็กเสียที เพราะหลายหน่วยงานยังไม่ส่งเสริมให้เด็กใช้ถุงยางอนามัย รวมทั้งนำเอาตู้ถุงยางอนามัยไปติดหรือแจก ด้วยทัศนคติที่เชื่อว่าการส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้เรื่องเพศคือการชี้โพรงให้กระรอก

"ทุกวันนี้ผมไม่คิดว่าแนวคิดการรักนวลสงวนตัวจะช่วยแก้ปัญหา เพราะพ่อแม่ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดเวลา ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือ ยื่นอาวุธให้เขา เปรียบถุงยางเหมือนเทียบไข ไฟดับก็ต้องใช้ถุงยาง เราจึงต้องสอนให้เขารู้จักใช้ถุงยางที่ถูกต้อง รวมถึงรู้เทคนิคการใช้ถุงยางอนามัยว่าจะต้องใช้อย่างไร เก็บอย่างไร ไม่ใช่ไปเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ที่เวลาร้อน อับ ก็จะทำให้ถุงยางละลายหรือแตก ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องลงไปให้ข้อมูลกับเด็กจริงๆ"

โดยหากจะแก้ปัญหาแม่วัยใส หรือปัญหาอื่นๆ ของวัยรุ่น พชรพรรษ์ ให้ความเห็นว่า น่าจะต้องลงไปคุยกับเด็กเฉพาะกลุ่ม ยกตัวอย่างเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย ที่จะไปสอนหรือทำกิจกรรมแค่ในโรงเรียน แต่ไม่ไปทำกับเด็กกลุ่มเสี่ยง อย่างเด็กแว๊นซ์หรืออดีตเด็กแว๊นซ์ ก็คงไม่มีประโยชน์นัก

"ผมอยากให้ผู้ใหญ่มองเด็กให้กว้างมากขึ้นกว่านี้ ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ผู้ใหญ่ไม่ควรตีกรอบให้เด็กจนทำให้เขาหาทางเดินชีวิตไม่เจอ" แกนนำเยาวชนให้ความเห็น

ด้าน พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ อีกหนึ่งผู้ร่วมเสวนาในครั้งนี้ให้มุมมองถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาแม่วัยใสว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยภาคเอกชนสามารถเข้ามาเสริมในส่วนที่ภาครัฐยังมีข้อจำกัดอยู่ได้หลายด้าน เช่นเดียวกับที่ ดูเร็กซ์ บริษัทเอกชนซึ่งผลิตถุงยางอนามัยมาคุยกับผู้อำนวยการสถาบันว่าจะทำอย่างไร เมื่อครั้งที่มีข่าวว่าเด็กไทยมีแม่วัยใสอยู่ในลำดับต้นๆ จึงจะช่วยให้เด็กๆ มีทักษะการป้องกันได้

คุณหมอกล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ตอนนี้คงไม่ใช่แค่สอนให้เด็กรู้ว่าการใช้ถุงยางอนามัยสำคัญอย่างไร แต่เป็นเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรให้พ่อแม่เข้าใจ แล้วสามารถอนุญาตให้เด็กพกได้อย่างมั่นใจโดยไม่โดนพ่อแม่ดุ คุณครูโอเค เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เสี่ยงนั้นขึ้นมา การมีถุงยางอนามัยไว้ใช้มันช่วยได้