Go Back Go Back
Go Back Go Back
Go Back Go Back

UNFPA เปิดตัวรายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนึกกำลังภาคีผลักดันข้อเสนอแนะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

UNFPA เปิดตัวรายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนึกกำลังภาคีผลักดันข้อเสนอแนะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

News

UNFPA เปิดตัวรายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนึกกำลังภาคีผลักดันข้อเสนอแนะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

calendar_today 29 October 2024

UNFPA เปิดตัวรายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนึกกำลังภาคีผลักดันข้อเสนอแนะพาประเทศไทยไปข้างหน้า
UNFPA เปิดตัวรายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนึกกำลังภาคีผลักดันข้อเสนอแนะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2567 – กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) และภาคี จัดการประชุมเปิดตัว “รายงาน ICPD30 ของประเทศไทย: 30  ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย ดร. จูลิตา โอนาบันโจ ผู้อำนวยการ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยและผู้แทน กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำมาเลเซีย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม และกล่าวเปิดงานร่วมโดยคุณวรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้ร่วมงานกว่า 120 ราย จากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาภาคประชาสังคม องค์กรระหว่างประเทศ สถาบันการศึกษา และองค์กรเยาวชน โดยได้รับเกียรติจากคุณแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงานสถิติแห่งชาติ, วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กระทรวงการต่างประเทศ, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง, และ UNFPA ประเทศไทย

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวและนำเสนอรายงาน ICPD30 ของประเทศไทย โดยนำเสนอความก้าวหน้าของประเทศไทยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาตามวาระ การประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่องประชากรและการพัฒนา (International Conference on Population and Development – ICPD) นอกจากนี้ การเปิดตัวรายงานฯ ในครั้งนี้ยังมีขึ้นเพื่อแบ่งปันข้อค้นพบที่สำคัญจากรายงานให้ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมอภิปราย เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้กำหนดนโยบาย และสาธารณชนทั่วไป ให้เข้าใจการเปลี่ยนทางประชากรของประเทศไทยในอนาคต และเพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเป็นแนวทางในการพัฒนาประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศต่อไปในอนาคต ข้อเสนอแนะสำคัญจากรายงานฉบับนี้ อาทิ การส่งเสริมนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม การส่งเสริมความร่วมมือระดับชุมชน การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ การส่งเสริมฐานข้อมูล ทั้งการเก็บข้อมูลและการติดตามผล เป็นต้น

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA ประเทศไทย กล่าวว่า ที่มาของงานในวันนี้คือถอดบทเรียนของประเทศไทยจาก30ปีหลังจากการประชุมนานาชาติว่าด้วยประชากรและการพัฒนา (ICPD) ในปีค.ศ.1944 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมด้านประชากรและการพัฒนาทั่วโลก เน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างพลวัตของประชากร สุขภาพทางเพศ อนามัยการเจริญพันธุ์ ความเท่าเทียมทางเพศ และการพัฒนาชีวิตตลอดทุกช่วงวัยเพื่อจัดการการเข้าสู่สังคมสูงวัยเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ตลอด 30 ปีที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ICPD ซึ่งมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาประชากรและการพัฒนาที่มีความยั่งยืน ผ่านกระบวนการทำงานแบบการพัฒนาชีวิตทุกช่วงวัย โดยปี พ.ศ. 2567 หรือ ค.ศ.2024 นี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีของ ICPD ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลและภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร่วมกันเฉลิมฉลองความก้าวหน้าของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งยังเน้นย้ำถึงภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นของ ICPD และแสวงหาแนวทางแก้ไข รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตามยุคสมัย

“ความสำเร็จของประเทศไทยที่รายงาน ICPD30 ค้นพบมีหลายเรื่อง เรื่องแรก คือ ความก้าวหน้าด้านสิทธิสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากในการรับรองการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์อย่างทั่วถึง มีการบูรณาการเรื่องนี้เข้ากับการประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการวางแผนครอบครัวและป้องกันการเสียชีวิตของมารดา ทั้งนี้ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะลดอัตราการเสียชีวิตของมารดาลงให้เหลือ 15 ต่อ 1 แสน ภายในปีค.ศ.2030 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศเป็นอย่างยิ่ง เรื่องที่สอง คือ ความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ประเทศไทยได้จัดตั้งระบบสนับสนุนที่ครอบคลุม มีการริเริ่มเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศเพื่อให้แน่ใจว่าสตรีและเด็กผู้หญิงสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้ ในขณะเดียวกันการมีส่วนร่วมของชุมชนก็มีบทบาทสำคัญ โดยมีหน่วยงานเฉพาะกิจในท้องถิ่นและองค์กรภาคประชาสังคมที่เข้ามาเสริมความพยายามของภาครัฐ, และเรื่องที่สาม คือ ความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพเยาวชน ประเทศไทยมีกฎหมายต่างๆ ที่มุ่งลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและเสริมสร้างการศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ก็การมีส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามนโยบายอีกด้วย” นางสาวสิริลักษณ์ กล่าว

นางสาวสิริลักษณ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า รายงาน ICPD30 นั้นพบข้อท้าทายและช่องว่างที่สำคัญซึ่งประเทศไทยต้องแก้ไข ได้แก่ การดูแลประชากรกลุ่มเปราะบาง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม และการตีตราทางวัฒนธรรมและการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ด้วยว่า ประเทศไทยควรสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจที่ทั่วถึง หรือที่เรียกว่า Inclusive Economic Policies เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึงบริการสุขภาพ ยกระดับการเก็บรวบรวมและติดตามข้อมูลเกี่ยวกับอนามัยการเจริญพันธุ์ การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศต่อไปทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ดร.จูลิตตา โอนาบันโจ ผู้อำนวยการกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยและผู้แทนกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำมาเลเซีย กล่าวว่า นับตั้งแต่การประชุมครั้งประวัติศาสตร์ในปีค.ศ.1994 จนถึงวันนี้ พันธสัญญาของเราที่มีต่อโลกก็ยังคงมั่นคง นั่นก็คือ สิทธิ ศักดิ์ศรี และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน พันธสัญญานี้ถูกผนึกไว้ในวิสัยทัศน์การเปลี่ยนแปลงของ ICPD ซึ่งกำหนดเป้าหมายสามศูนย์ที่ต้องบรรลุให้ได้ภายในปีค.ศ.2030 ได้แก่ หนึ่ง ความต้องการการวางแผนครอบครัวที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ต้องเป็นศูนย์, สอง การเสียชีวิตของมารดาที่ป้องกันได้ ต้องเป็นศูนย์, และสาม ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศและการปฏิบัติที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิง ต้องเป็นศูนย์ โดยการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ต้องอาศัยความพยายามร่วมกัน เจตจำนงทางการเมือง และกระบวนการนโยบายที่มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็ง

ดร.จูลิตตา กล่าวด้วยว่า รายงานฉบับนี้บันทึกประสบการณ์ของประเทศไทยกับความท้าทายด้านประชากรและการพัฒนาที่หลากหลาย รวมทั้งวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับภูมิทัศน์ประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้น ประเทศไทยได้นำแนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยที่ครอบคลุม (comprehensive life-cycle approach) มาใช้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประชาชนในทุกช่วงชีวิตผ่านนโยบายและโครงการต่างๆ ที่กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยแนวคิดนี้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการประสานงานระหว่างภาคส่วน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนระดับรากหญ้า และพัฒนาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อมองไปข้างหน้า รายงานฉบับนี้ถือเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตัดสินใจดำเนินการเพื่อขยายอายุความมุ่งมั่นต่อวาระ ICPD และหลักการสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และความยั่งยืน เราต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมมือกัน และดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไปเพื่อสร้างอนาคตที่ทุกคนมีโอกาสที่จะเติบโต เรามาใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาและความทุ่มเทร่วมกันที่มีอยู่ในห้องนี้กันเถิด หากเราทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา องค์กรภาคประชาสังคม ผู้นำเยาวชน และพันธมิตรระหว่างประเทศ เราก็จะสามารถเอาชนะความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าได้ และบรรลุวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างประเทศไทยที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ดร.จูลิตตา กล่าว

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ด้าน นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความก้าวหน้าที่น่าจดจำในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราการเสียชีวิตของมารดา การยกระดับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศที่มากขึ้นและการขยายโอกาสสำหรับทุกคน การบรรลุผลเหล่านี้ถือเป็นหลักไมล์สำคัญที่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่น่าเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่ต้องสร้างขึ้นสำหรับอนาคตอีกด้วย

นางสาววรวรรณ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เราได้เห็นประเทศของเราก้าวไปข้างหน้า นโยบายต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้น มีกลยุทธ์ใหม่ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาวฉบับแรก นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากรของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่างนโยบายส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพกระทรวงสาธารณสุข นอกจากแรงผลักดันทางนโยบายแล้ว เรายังได้พลังจากความพยายามในระดับรากหญ้าโดยมีสมาชิกชุมชนทำหน้าที่บูรณาการ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นหัวหอกในการใช้แนวทางการทำงานโดยมีชุมชนเป็นผู้นำแบบนี้ กระตุ้นให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในท้องถิ่นระดมทรัพยากรจากหลายภาคส่วนมาเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ดี ข้อค้นพบในรายงานฉบับนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าเราต้องมองไปให้ไกลกว่าความสำเร็จในปัจจุบันและเผชิญกับความเป็นจริงที่อยู่ข้างหน้า

“เราต้องเปลี่ยนแปลงเส้นทางเพื่ออนาคต เราต้องขยายโมเดลท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จให้กลายเป็นการปฏิรูประดับประเทศ ทำให้แน่ใจว่าประเทศและชุมชนของเราพร้อมที่จะเติบโตก้าวหน้าในสังคมผู้สูงอายุที่ใกล้จะมาถึงและโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราต้องลงทุนในประชาชนของเราซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการรันตีว่าระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การดูแลสุขภาพ และการคุ้มครองทางสังคมมีความครอบคลุมและเท่าเทียมกัน จากนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและวิธีแก้ปัญหาเฉพาะที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการที่หลากหลายของแต่ละกลุ่ม" นางสาววรวรรณ กล่าว

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ส่วน นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จหลายด้านในการจัดการและพัฒนาประชากร ทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา และการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยความสำเร็จเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน  อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เราภูมิใจในความก้าวหน้าที่ได้ทำมา ต้องไม่ลืมถึงความท้าทายใหม่ๆ ที่ต้องเผชิญ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร สังคมผู้สูงอายุ และความเหลื่อมล้ำที่ยังคงมีอยู่

“เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติเด็กเกิดน้อย จำนวนการเกิดของเด็กไทยลดลงมาก จากเดิมมีการเกิดมากกว่าปีละ 1 ล้านคน แต่ในปีพ.ศ.2565 ประเทศไทยมีจำนวนการเกิดเหลือเพียง 485,085 คน ในขณะที่มีจำนวนการตายมากถึง 584,854 คน และอัตราเจริญพันธุ์รวม หรือ จำนวนบุตรโดยเฉลี่ยของหญิงวัยเจริญพันธุ์ ลดลงจาก 6 คนเหลือเพียง 1.08 คน ซึ่งต่ำกว่าระดับทดแทนประชากร โดยการลดลงนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศเอเชียตะวันออกหลายประเทศ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่าหากประเทศไทยยังไม่มีมาตรการใดออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาการเกิดที่ลดลงนี้ อีก 60 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรของไทยจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 33 ล้านคน วัยทำงานลดลงจาก 46 ล้านคน เหลือเพียง 14 ล้านคน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคน เป็น 18 ล้านคน และเด็กอายุ 0 - 14 ปี ลดลงเหลือเพียง 1 ล้านคน” นายแพทย์เอกชัย กล่าว

นายแพทย์เอกชัย อธิบายด้วยว่า สาเหตุของโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปมาจากหลายปัจจัย อาทิ ความสำเร็จของการขับเคลื่อนนโยบายวางแผนครอบครัวมาอย่างยาวนาน ทำให้ครอบครัวส่วนใหญ่ยังคงวางแผนมีบุตรไม่เกินครอบครัวละ 2 คน การขยายตัวของเมืองและการพัฒนาทำให้เกิดการย้ายถิ่นไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ทำให้ระดับมาตรฐานการครองชีพ อัตราค่าครองชีพสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรสูงขึ้น ประกอบกับผู้หญิงมีการศึกษาสูงขึ้น มีอัตราส่วนของแรงงานเพศหญิงเพิ่มขึ้น การใช้ชีวิตคู่และการมีบุตรไม่ใช่เป้าหมายของชีวิตเหมือนในอดีต

" เราจึงต้องเตรียมพร้อมและร่วมกันพัฒนานโยบายที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ รายงาน ICPD30 เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีคุณค่าในการช่วยให้เราเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างรอบคอบต่อไป” นายแพทย์เอกชัย กล่าว

 

ผู้ร่วมเวทีร่วมสะท้อน 30 ปีแห่งความก้าวหน้าสู่ข้อเสนองานด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ งานประชุมเปิดตัวรายงาน ICPD30 ของประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน ประกอบไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ การปาฐกถาในหัวข้อ “การวางแผนอนาคตของประเทศไทย: เพื่อรับมือภาวะอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำและสังคมสูงวัย ด้วยข้อมูลเชิงลึกระดับสากลเพื่อการพัฒนาประชากรอย่างยั่งยืน” โดย ศาสตราจารย์สจวร์ต กีเทล-บาสเทน จาก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง, การเสวนา 2 ช่วง ในหัวข้อ “ความก้าวหน้าและความสำเร็จที่สำคัญจากรายงาน ICPD30 ของประเทศไทย” และ กรอบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยเพื่อรับมือกับสังคมสูงวัย: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ ตามกรอบ ICPD30” โดยนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง, และยังมีการเปิดเวทีอภิปรายและถามตอบผ่าน Wooclap โดยมีการสรุปประเด็นสำคัญและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายภายในงานด้วย

นอกจากนี้ ในงานประชุมยังมีการจัดฉายสารคดี “การอยู่ลำพังในช่วงบั้นปลายของชีวิต: การสร้างความหมายในช่วงบั้นปลายของชีวิตและวิธีคิดที่ว่าด้วยความตาย” โดยผู้กำกับ วรรณา แต้มทอง และ ชเลฝัน ดิษฐ์ผู้ดี โดยสารคดีเล่าถึงประสบการณ์ของผู้สูงวัยที่ใช้ชีวิตคนเดียว ซึ่งการนำเสนอนั้นมุ่งไปที่ประเด็นความโดดเดี่ยว การสร้างความหมายในชีวิตในช่วงบั้นปลายชีวิต และมุมมองของสังคมเกี่ยวกับความตาย และได้กลายเป็นฉากหลังที่สะเทือนอารมณ์สำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับความจำเป็นของนโยบายทางสังคมที่ตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ จิตใจ และร่างกายของประชากรสูงวัยของประเทศไทยที่เพิ่มจำนวนขึ้นในวันนี้

 

รับมือความท้าทายด้วยการบูรณาการข้อมูลเชิงลึกระดับสากลกับแนวทางเฉพาะพื้นที่

ศาสตราจารย์สจวร์ต กีเทล-บาสเทน จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง ปาฐกถาโดยมุ่งไปที่ความท้าทายด้านประชากรของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำและประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเน้นย้ำว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรที่สำคัญเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงและอายุขัยที่เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องมีแนวทางที่หลากหลายในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาทั้งแบบระยะสั้นและกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อให้ประชากรไทยสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ศาสตราจารย์กีเทล-บาสเทนเน้น กล่าวว่า ในประเด็นอัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขสาเหตุของอัตราการเกิดที่ต่ำ ซึ่งเหล่านี้รวมถึงแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ ความเท่าเทียมทางเพศ และนโยบายการวางแผนครอบครัว, ส่วนในประเด็นสังคมสูงวัยนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนประชากรสูงวัย ซึ่งไม่เฉพาะแต่ในแง่ของการดูแลสุขภาพเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการมีส่วนร่วมทางสังคมและเศรษฐกิจอีกด้วย, นอกจากนี้ ในเรื่องแนวทางนโยบายแบบองค์รวม ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีการบูรณาการข้อมูลเชิงลึกระดับสากลกับแนวทางเฉพาะพื้นที่มีความสำคัญ เพื่อรับประกันว่าการพัฒนานโยบายใดๆ จะนำบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยมาพิจารณาด้วย

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

30 ปีของประเทศไทย ก้าวหน้า แต่ยังต้องเร่งพัฒนาต่อ

การเสวนาช่วงที่ 1 ในหัวข้อ “ความก้าวหน้าและความสำเร็จที่สำคัญจากรายงาน ICPD30 ของประเทศไทย” นั้นเจาะลึกถึงความสำเร็จและความท้าทายที่สำคัญของประเทศไทยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยมีศาสตราจารย์วิราภรณ์ โพธิศิริ เป็นผู้ดำเนินรายการ และผู้ร่วมเสวนาพูดคุยเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากร สิทธิสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ (SRHR) ความคิดริเริ่มด้านความเท่าเทียมทางเพศ และการพัฒนาทุนมนุษย์

ศาสตราจารย์วิพรรณ ประจวบเหมาะ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ สรุปภาพรวมการเปลี่ยนแปลงทางประชากรสำคัญของประเทศไทย โดยเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมผู้สูงวัย และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของนโยบายปรับตัวเพื่อแก้ปัญหาการลดลงของประชากรและสร้างหลักประกันทางสังคมให้ผู้สูงอายุ, ส่วน นายแพทย์บุญฤทธิ์ สุขรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการวางแผนครอบครัวของคนไทย ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงมีช่องว่าในการเข้าถึงชุมชนชายขอบ รวมทั้งความพยายามในการทำงานเพื่อรับประกันการเข้าถึงบริการสำหรับทุกคนที่ยังต้องดำเนินต่อไป

ด้าน คุณแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบายที่คำนึงถึงมิติทางเพศ โดยอภิปรายว่าความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังให้สตรีและเด็กผู้หญิงมีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการที่เน้นการป้องกันความรุนแรงด้วยเหตุเพศและส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศนั้นคือองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จของ ICPD30 ประเทศไทย, ส่วน ดร.นพพล วิทย์วรพงศ์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อภิปรายถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในการพัฒนาทุนมนุษย์ โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการจ้างงาน โดยที่การลงทุนในประชากรวัยหนุ่มสาวนั้นมีความสำคัญในการสร้างแรงงานที่มีการศึกษาดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในอนาคต, และ คุณหทัยชนก ชินอุปราวัฒน์ ผู้อำนวยการกองสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้กล่าวถึงบทบาทของการรวบรวมข้อมูลอย่างครอบคลุมและการวิเคราะห์ทางสถิติในการกำหนดนโยบายที่มีประสิทธิผล โดยบอกว่าข้อมูลที่เชื่อถือได้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการการันตีว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนพิการ ผู้สูงวัย และสตรี

วงเสวนาได้บทสรุปว่า แม้วประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านประชากรและการพัฒนา แต่ความท้าทายที่เกิดจากสังคมสูงวัยและความไม่สมดุลทางประชากรนั้นต้องอาศัยความพยายามอย่างต่อเนื่องและแนวทางนโยบายที่สร้างสรรค์ในการแก้ไข

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

พัฒนามนุษย์ “ทุกช่วงวัย” - จากนโยบายสู่การปฏิบัติ

การเสวนาช่วงที่ 2 ในหัวข้อ กรอบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยเพื่อรับมือกับสังคมสูงวัย: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ ตามกรอบ ICPD30” มีคุณสิริลักษณ์ เชียงว่อง เป็นผู้ดำเนินรายการ มุ่งสำรวจแนวทางปฏิบัติในการรับมือกับประชากรสูงวัยของประเทศไทยผ่านมุมมองการพัฒนาทุกช่วงวัย โดยที่วงเสนานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบายที่สนับสนุนประชาชนในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา

จากมุมมองการดูแลผู้สูงวัยและบริการด้านสุขภาพนั้น ดร.สุนทรีย์ สิริอินต๊ะวงศ์ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แนะนำแนวคิดการดูแลผู้สูงวัยแบบองค์รวม โดยเน้นที่บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับผู้สูงวัยและความจำเป็นของระบบการดูแลแบบบูรณาการที่ดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต, ส่วนจากมุมของแผนงานการพัฒนาประชากรอย่างยั่งยืน นายณภัทรพงศ์ วชิรวงศ์บุรี หัวหน้ากลุ่มพัฒนาศักยภาพคนและการเรียนรู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำเสนอแผนงานการพัฒนาประชากรของประเทศไทย โดยสะท้อนถึง 5 ปีที่ผ่านมาและให้ภาพลำดับความสำคัญในอนาคต นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากสังคมสูงวัย ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้สูงวัย และให้แน่ใจว่าผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตที่สมบูรณ์และเป็นอิสระได้

นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากภาคประชาสังคมมาร่วมอภิปราย โดย อุษา เขียวรอด ผู้อำนวยการฝ่ายการต่างประเทศ มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ นำเสนอความสำเร็จของโครงการระดับรากหญ้าที่สนับสนุนประชากรสูงอายุในระดับชุมชน ซึ่งโครงการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการดูแลในชุมชน ลดความโดดเดี่ยว และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย, และ คุณนดา บินร่อหีม ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอมุมมองของเยาวชนเกี่ยวกับการสูงวัยและความเป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกันระหว่างคนต่างรุ่น โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของนโยบายที่ไม่เพียงแต่ดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ต้องดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มามีบทสนทนาเกี่ยวกับการสูงวัยอีกด้วย

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ข้อเสนอจากคนทำงาน บูรณาการนโยบาย ร่วมมือทุกภาคส่วน ข้อมูล/นวัตกรรม และความเท่าเทียมทางเพศ

ในภาพรวมนั้น การประชุมครั้งเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าของประเทศไทย เช่นเดียวกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสังคมสูงวัย ความเท่าเทียมทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ การหารือและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของการประชุมครั้งนี้ได้สร้างแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาประชากรอย่างยั่งยืนในประเทศไทย โดยคำแนะนำด้านนโยบายหลักๆ ที่เกิดขึ้นในงานครั้งนี้มี 4 มิติ ได้แก่

การบูรณาการทางนโยบาย: ประเทศไทยจำเป็นต้องนำกรอบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยมาบูรณาการเข้ากับนโยบายประชากร เพื่อสร้างระบบสนับสนุนให้บริการกับประชาชนในทุกช่วงชีวิต โดยเน้นเป็นพิเศษที่ผู้สูงวัย สตรี และชุมชนชายขอบ

ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน: ความสำเร็จของนโยบายประชากรขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยจำเป็นต้องมีแนวทางบริหารภาครัฐทั้งองคาพยพเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านประชากรอย่างครอบคลุม

ข้อมูลและนวัตกรรม: มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุม เช่นเดียวกับแนวทางการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ซึ่งตอบสนองต่อสังคมสูงวัย

ความเท่าเทียมทางเพศและความครอบคลุมทางเพศ: นโยบายที่คำนึงถึงมิติทางเพศจะต้องเป็นแกนหลักของกลยุทธ์ด้านประชากรของประเทศไทย เพื่อรับประกันว่าสตรี เด็กผู้หญิง และกลุ่มคนชายขอบจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในการพัฒนา

 

อ่านรายงานฉบับเต็มและ Policy Brief ได้ที่: https://unf.pa/48rzM1q

ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่UNFPA Launched ICPD30 Thailand Report

ชมข่าวเพิ่มเติมที่:

Remote video URL
Remote video URL

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่:

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน

รายงาน ICPD30 ประเทศไทย: 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านประชากรและการพัฒนาที่ยั่งยืน