แถลงการณ์โดย ดร. นาตาเลีย คาเนม ผู้อำนวยการบริหาร UNFPA เนื่องในวันผดุงครรภ์สากล วันที่ 5 พฤษภาคม 2564
ทุกๆ วัน ณ ที่ต่างๆ บนโลกใบนี้ ผดุงครรภ์และพยาบาลผดุงครรภ์ทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้หญิงและทารกแรกเกิด รวมทั้งช่วยสนับสนุนส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนทั้งหมด
พวกเขาสมควรได้รับความเคารพและขอบคุณจากพวกเรา แต่นั่นคงยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นทำงานอย่างทุ่มเท
พยาบาลผดุงครรภ์สมควรได้รับงบประมาณการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของพวกเขา การลงทุนพัฒนาสถานที่ทำงานที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และการลงทุนเพื่อให้เกิดการยอมรับพยาบาลผดุงครรภ์อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นทักษะและการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมของพวกเขาอย่างเต็มที่
เนื่องในวันผดุงครรภ์สากลเราขอยกย่องการมีส่วนร่วมอย่างมากของเจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์ และพยาบาลผดุงครรภ์ที่มีต่อมนุษยชาติ และขอให้น้ำหนักไปที่ข้อมูลและหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในการผดุงครรภ์เป็นปัจจัยที่จำเป็นในการส่งเสริมระบบการดูแลสุขภาพ
รายงานการผดุงครรภ์โลกฉบับล่าสุดซึ่งเผยแพร่โดย UNFPA (กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ)ร่วมกับองค์การอนามัยโลกและสมาพันธ์ผดุงครรภ์ระหว่างประเทศยืนยันว่าจากนี้ไปจนถึงพ.ศ. 2578 หากเราเพิ่มจำนวนพยาบาลผดุงครรภ์และเพิ่มคุณภาพการดูแลในระบบสุขภาพจะทำให้เราสามารถช่วยชีวิตคนได้ถึงประมาณ 4.3 ล้านคนต่อปี และการผดุงครรภ์แบบครอบคลุมถ้วนหน้าจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตของมารดาได้มากถึงร้อยละ 67 ถ้าสามารถทำได้ภายในพ.ศ. 2578
ความสำเร็จดังกล่าวขึ้นอยู่กับว่าพยาบาลผดุงครรภ์ได้รับการศึกษาและการฝึกอบรมที่ดีขึ้นหรือไม่ ประกอบกับการมีกฎระเบียบในสถานที่ทำงานที่ครอบคลุมและมีลักษณะเชิงสนับสนุน พวกเขาต้องมีบทบาทมากขึ้นในการเป็นผู้นำในสายอาชีพและการกำกับดูแล รวมทั้งได้รับขอบเขตในการใช้ประสบการณ์ที่พิเศษนี้เพื่อผลักดันนโยบายด้านสุขภาพและการให้บริการให้มีความก้าวหน้า
พยาบาลผดุงครรภ์มักทำงานภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา พวกเขาอาจต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรเพื่อไปหาผู้หญิงที่ต้องการความช่วยเหลือมากมาย หรือต้องเปิดพื้นที่บ้านของตัวเองเพื่อช่วยให้มีการคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย พวกเขาต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และความไม่เท่าเทียมกันในที่ทำงานที่ทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์และพยาบาลผดุงครรภ์ยังเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเพื่อช่วยผู้อื่นแม้ว่ามักจะขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันการติดโรคและมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้น้อยกว่าเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพด้านอื่นๆ
การอุทิศตนดังกล่าวเป็นทรัพยากรอันล้ำค่า แต่ระบบสุขภาพจำนวนมากยืนอยู่บนสิ่งนี้โดยลืมที่จะสนับสนุนพยาบาลผดุงครรภ์ได้อย่างเหมาะสมกับวิชาชีพที่พวกเขาได้ทุ่มเทลงไป นี่มีผลกระทบต่อความมุ่งมั่นการบรรลุเป้าหมายการลดการเสียชีวิตของมารดาที่ป้องกันได้ให้เป็นศูนย์ภายในพ.ศ. 2573
เรามีหลักฐานงานวิจัยในข้อเสนอนี้และรู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ระบบสุขภาพทุกแห่งจำเป็นต้องรับรู้ข้อเท็จจริงนี้ และลงมือดำเนินการ เพราะการลงทุนเพื่อสนับสนุนศักยภาพของพยาบาลผดุงครรภ์เป็นหนึ่งในวิธีที่แน่นอนที่สุดในการปกป้องชีวิต ปกป้องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน
UNFPA (กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ) ได้รับการสนับสนุนจาก Reckitt ในการลงทุนสนับสนุนศักยภาพและระบบการทำงานของพยาบาลผดุงครรภ์ที่ช่วยเหลือชีวิตผู้หญิงและทารกชาติพันธุ์ในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อสนับสนุนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 3 ในการลดการเสียชีวิตของมารดาจากสาเหตุที่ป้องกันได้
UNFPA (กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ) ร่วมมือกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) และ รัฐบาลสปป. ลาวในการอบรมพยาบาลผดุงครรภ์จากลาวในการเพิ่มศักยภาพในการดูแลครรภ์มารดาภายใต้ความร่วมมือแบบใต้-ใต้ (South-South Cooperation) ซึ่งเป็นตัวอย่างการลงทุนที่นำมาซึ่งผลตอบแทนทางสังคมที่ช่วยชีวิตผู้หญิงและทารกแรกเกิดได้เป็นจำนวนมาก ติดตามอ่านรายงานวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคม ได้ที่ https://thailand.unfpa.org/th/SSC-SROI