คุณอยู่ที่นี่

การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง สิทธิหลักประกันสุขภาพ (Universal Health Coverage) 

สำหรับกรณีผู้ผ่านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศในประเทศไทย

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2567 เวลา 8.30 – 15.30 น.

ณ โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลเวิลด์

 

 

ความสำเร็จในการพัฒนาที่ยั่งยืนจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนและจากประชากรทุกเพศ ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ (GBV) ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่แพร่หลาย โดยก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อภูมิทัศน์ทางสังคมวัฒนธรรมที่หลากหลาย ครอบคลุมถึงการดำเนินงานด้านการพัฒนาและประชากร ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เนื่องจากผู้ผ่านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศได้รับผลกระทบทางกายภาพ จิตใจ เศรษฐกิจ และสังคมอย่างมีนัยสำคัญ การมีระบบการสนับสนุนที่แข็งแกร่งภายในกรอบการดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าทั่วโลกจะมีความก้าวหน้าในการดูแลผู้รอดชีวิตจาก GBV อย่างทันท่วงทีและเหมาะสม แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบูรณาการบริการที่ครอบคลุมภายในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC)

 

เนื่องจากประเทศไทยกำลังแก้ไขปัญหาความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศที่มีมายาวนาน ซึ่งผู้หญิงและเด็กหญิงได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยความเป็นจริงที่น่าเป็นห่วงคือ มีผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศมากกว่า คนต่อวัน และมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศประมาณ 30,000 เรื่องต่อปี การศึกษาอย่างจริงจังในปี 2565 ของมูลนิธิรณรงค์หญิงชายก้าวไกลได้ตอกย้ำถึงความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปีเดียวกันมีรายงานความรุนแรงในครอบครัวทั้งหมด 372 คดี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 52.4 ของผู้เสียชีวิต ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ (GBV) มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่าปัญหาด้านสุขภาพทั่วไป เนื่องจากต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายกระทรวงด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต การสนับสนุนทางกฎหมาย และการกลับคืนสู่สังคม สิ่งนี้ต้องการความร่วมมือข้ามกระทรวงที่มีประสิทธิภาพ กลไกการส่งต่อกรณีอย่างเป็นระบบ และการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอ

 

ปัจจุบันนี้ยังคงมีความท้าทายสำหรับผู้ผ่านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ (GBV Survivors) ในการเข้าถึงบริการ การร้องเรียน และการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมในกรณีความรุนแรงในครอบครัว การคุกคาม และความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ ความไม่สอดคล้องกันของข้อมูลด้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศในแต่ละกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังทำให้มีหลักฐานที่ไม่มากเพียงพอสำหรับผู้กำหนดนโยบายในการตัดสินใจหรือจัดสรรทรัพยากรทางการเงินและทรัพยากรบุคคลที่เหมาะสมเพื่อดูแลคดี ด้านความรุนแรงด้วยเหตุแพ่งเพศ ยกตัวอย่างเช่น กรณีศูนย์พึ่งได้ (One Stop Crisis Centerหรือ OSCC) ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้รับรายงานความรุนแรงต่อผู้หญิงมากกว่า 30,000 รายต่อปี แต่ตำรวจได้รับการรายงานเพียงประมาณ 5,000 ราย และในจำนวนนี้มีการจับกุมเพียงประมาณ 1,500 รายเท่านั้น

 

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC) กลายเป็นช่องทางสำคัญในการให้บริการดูแลสุขภาพที่จำเป็นแก่บุคคลทุกคน รวมถึงผู้รอดชีวิตจาก GBV โดยปราศจากอุปสรรคทางการเงิน อย่างไรก็ตาม การตอบสนองความต้องการของผู้รอดชีวิตภายในระบบการรักษาพยาบาลของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพยังคงมีช่องว่างอยู่ จึงจำเป็นต้องมีการทบทวนและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

 

กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Population Fund (UNFPA) ประจำประเทศไทยในฐานะหน่วยงานหลักขององค์การสหประชาชาติที่ดูแลเรื่องสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ และเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักในการยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศในประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และหน่วยงานอื่นๆ ภายใต้เป้าหมายการดำเนินงานของประเทศไทย แผนยุทธศาสตร์สากลของ UNFPA (2565-2568) และกรอบความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ (2565-2569) โดย UNFPA ประจำประเทศไทย มีพันธกิจหลักในการสนับสนุนให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ และการวางแผนครอบครัว ทุกการคลอดปลอดภัย มีความเสมอภาคระหว่างเพศและยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ

 

เพื่อเน้นย้ำเรื่องความครอบคลุม สิทธิมนุษยชน และความเป็นธรรม UNFPA ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินนโยบายที่มีอยู่ เช่น สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การริเริ่มที่สำคัญคือการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ปรึกษาทางเทคนิค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนประสิทธิภาพและความครอบคลุมของบริการและสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอยู่สำหรับผู้รอดชีวิตจาก GBV และให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงอื่นๆ

 

UNFPA ดำเนินงานผ่านกระบวนการที่หลากหลาย รวมถึงการสนับสนุนด้านการพัฒนานโยบาย โดยอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์ การสนับสนุนทางด้านวิชาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และการขับเคลื่อนชุมชนเพื่อเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งผ่านการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและมอบอำนาจแก่ผู้ผ่านเหตุความรุนแรง UNFPA มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสังคมที่บุคคลทุกคนได้รับศักดิ์ศรี สิทธิ และอิสรภาพจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ อย่างเท่าเทียมโดยไม่คำนึงถึงเพศ

 

 

วัตถุประสงค์

  1. ทบทวนหลักประกันสุขภาพ UHC ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการให้บริการสำหรับกรณีผู้ผ่านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศในประเทศไทย โดยประเมินความครอบคลุม การเข้าถึงได้ และประสิทธิผลในการตอบสนองความต้องการของผู้รอดชีวิต
  2. ระบุช่องว่างและความท้าทายในการบริการหลักประกันสุขภาพ UHC ในปัจจุบันสำหรับกรณี GBV และเสนอคำแนะนำสำหรับการปรับปรุง ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด
  3. เสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์พึ่งได้  (One Stop Service Crisis Center) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเสริมสร้างการรับมือกับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศภายใต้กรอบสุขภาพถ้วนหน้า
  4. หารือเกี่ยวกับกลยุทธ์และคำแนะนำในการบูรณาการมาตรฐานสากลและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า UHC สำหรับกรณีผู้ผ่านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ (GBV) ในประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติระดับโลกและให้มั่นใจว่าหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ครอบคลุมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

 

ดูภาพเพิ่มเติม: Technical Consultative Meeting on Universal Health Coverage (UHC) Package for Gender-Based Violence (GBV) Cases in Thailand